ในชีวิตประจำวันของเรา อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่หลอดไฟ แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางอุปกรณ์ใช้พลังงานได้นาน ในขณะที่บางอย่างใช้ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง? คำตอบอยู่ที่หน่วยวัดไฟฟ้าสองตัวที่สำคัญ นั่นคือ Volt (โวลต์) และ Ah (แอมแปร์-ชั่วโมง) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าและพลังงานได้ดีขึ้น บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับ Volt และ Ah อย่างง่าย ๆ เพื่อให้คุณเริ่มต้นเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

Volt (โวลต์) คืออะไร?
Volt (โวลต์) หรือ Voltage คือหน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า ซึ่งเปรียบเสมือน “แรงดัน” ที่ผลักให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจรไฟฟ้า ยิ่งแรงดันไฟฟ้าสูง กระแสไฟฟ้าก็จะไหลได้มากขึ้น ตัวอย่างง่ายๆ เช่น แบตเตอรี่ขนาด 1.5V ที่ใช้ในรีโมทคอนโทรล จะมีแรงดันไฟฟ้าน้อยกว่าแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 12V ซึ่งหมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์สามารถจ่ายพลังงานได้มากกว่า
ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำ แรงดันไฟฟ้า (Volt) ก็เหมือนกับความดันน้ำในท่อ ยิ่งความดันสูง น้ำก็จะไหลแรงขึ้น ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ใช้แรงดันไฟฟ้าประมาณ 3.7V – 4.2V ในขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านใช้แรงดัน 220V (ในประเทศไทย)

Ah (แอมแปร์-ชั่วโมง) คืออะไร?
Ah (แอมแปร์-ชั่วโมง) คือหน่วยวัด ความจุไฟฟ้า (Capacity) ของแบตเตอรี่ ซึ่งบอกให้เรารู้ว่าแบตเตอรี่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้นานแค่ไหน ยิ่งค่า Ah สูง แบตเตอรี่ก็จะใช้งานได้นานขึ้น
ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำ Ah ก็เหมือนกับปริมาณน้ำในถัง ยิ่งถังมีน้ำมาก (Ah สูง) ก็จะใช้ได้นานขึ้น ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือทั่วไปมีความจุประมาณ 3,000mAh – 5,000mAh (หรือ 3Ah – 5Ah) ในขณะที่แบตเตอรี่รถยนต์อาจมีความจุสูงถึง 50Ah – 100Ah

ความสัมพันธ์ระหว่าง Volt และ Ah
Volt และ Ah เป็นหน่วยวัดที่ทำงานร่วมกัน โดย Volt จะบอกถึงแรงดันไฟฟ้า ส่วน Ah จะบอกถึงความจุไฟฟ้า เมื่อนำทั้งสองค่ามารวมกัน เราสามารถคำนวณพลังงานไฟฟ้าได้ในหน่วย Wh (วัตต์-ชั่วโมง) ซึ่งเป็นค่าที่บอกถึงพลังงานทั้งหมดที่อุปกรณ์สามารถนำไปใช้ได้

สูตรการคำนวณ:
ความจุพลังงาน (Wh) = แรงดันไฟฟ้า (V) × ความจุไฟฟ้า (Ah)
ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ขนาด 12V กับ 50Ah จะมีความจุพลังงานทั้งหมดเท่ากับ 600Wh (12V x 50Ah)

ตัวอย่างการใช้งาน Volt และ Ah ในชีวิตประจำวัน
เลือกซื้อแบตเตอรี่: เมื่อคุณต้องการซื้อแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไฟฉายหรือรถยนต์ไฟฟ้า ควรดูทั้งค่า Volt และ Ah เพื่อให้แบตเตอรี่มีความเหมาะสมกับอุปกรณ์ หรือหากคุณต้องการซื้อแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) สำหรับโทรศัพท์มือถือ คุณควรดูที่ค่า mAh (มิลลิแอมแปร์-ชั่วโมง) ซึ่งบอกถึงความจุไฟฟ้า ยิ่งค่า mAh สูง แบตเตอรี่ก็จะชาร์จโทรศัพท์ได้หลายครั้งมากขึ้น

การเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับหน่วยวัดไฟฟ้า Volt และ Ah จะช่วยให้คุณเลือกใช้แบตเตอรี่ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ หากคุณกำลังมองหาแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพสูงและความปลอดภัยเชื่อถือได้ SPA Battery มีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำรองไฟ UPS, ไฟฉุกเฉิน, ป้ายหนีไฟ, ระบบลิฟท์, โซล่าเซลล์, เครื่องชั่ง, อุปกรณ์โทรคมนาคม, อินเวอร์เตอร์, เครื่องมือแพทย์, เครื่องมือวัด รวมถึงอุปกรณ์ทางทหารและอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย
สอบถามหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/spabattery
หรือ Line : @spabattery นะครับ