ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง

แบตแห้ง หรือแบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรดชนิดซีล (Sealed Lead Acid Battery หรือ Valve Regulated Lead Acid Battery) แบตประเภทนี้ดีอย่างไร ทำไมผู้คนถึงนิยมใช้งานกันมากมาย ทั้งในงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง และงานที่มีขนาดใหญ่มากๆ ปัจจุบันถือว่าเป็นแบตเตอรี่ชนิดเดียวที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายและครอบคลุมในทุกๆระบบไฟ ด้วยลักษณะเด่นของแบตเตอรี่แห้ง ดังต่อไปนี้

  • มีราคาต่อหน่วยต่ำ
  • ต้องการการดูแลรักษาต่ำ
  • มีความปลอดภัยสูง
  • มีอายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 20 ปี
  • ใช้งานง่าย และในการใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งBMS
  • มีความจุให้เลือกใช้งานได้หลากหลายตามขนาด

แบตเตอรี่แห้งใช้ในอุปกรณ์ประเภทใดบ้าง

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้ สำหรับงานขนาดเล็กมักถูกใช้งานอยู่ในเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินต่างๆ เช่น ไฟฉุกเฉินสำหรับส่องทางเดิน, ป้ายทางออก, ป้ายหนีไฟ, เครื่องสำรองไฟฟ้า (Uninterruptible Power Supply: UPS) อย่างระบบสำรองไฟในอาคาร หรือสำนักงานต่างๆ

ในส่วนของงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่สำรองไฟถูกนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองของระบบสำรองไฟทางการแพทย์ ทั้งในส่วนของเครื่องมือแพทย์ และการสำรองไฟห้องฉุกเฉิน ระบบสำรองไฟสำหรับอาคารโรงพยาบาล โรงไฟฟ้า เขื่อน กังหันน้ำ กังหันลม

นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำหรับแผงโซล่าเซลล์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า หรือใช้ในระบบจ่ายไฟพลังงานแสงอาทิตย์ ตามสถานที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เช่นไฟส่องสว่างถนน หมู่บ้าน ตามป่าเขา ป้ายจราจรต่างๆ รวมถึงสามารถนำไปใช้งานในพื้นที่โล่นที่ลำบากต่อการเดินไฟเข้าไป เช่นในท้องไร่ท้องนา สำหรับติดตั้งเครื่องสูบน้ำ หรือเครื่องมือทางการเกษตรอื่นๆ นอกจากนี้ยังถูกใช้ในระบบสำรองไฟของเสาส่งสัญญาณมือถือ วิทยุชุมชน และอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่างๆ สำหรับข้อมูลทางเทคนิคของแบตเตอรี่ประเภทนี้จะแบ่งแยกตามประเภทการใช้งาน

แบตเตอรี่แห้งแม้เราจะไม่ค่อยได้เห็นมากนัก เพราะส่วนใหญ่พอพูดถึงแบตเตอรี่ เราอาจนึกถึงแบตเตอรี่รถยนต์เสียมาก แต่หากเราลองมองรอบข้างดู อุปกรณ์บางอย่างเพื่อไม่สามารถใช้งานได้อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่ถึงอายุการใช้งานแล้ว แค่เราเปลี่ยนใหม่ อุปกรณ์นั้นก็สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อของใหม่ทั้งที่ของเก่าไม่ได้เสียอีกด้วย

วิธีเลือกแบตเตอรี่แห้งให้เหมาะกับงาน

การเลือกแบตเตอรี่แห้งให้เหมาะกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของทั้งแบตเตอรี่และอุปกรณ์ โดยมีปัจจัยที่ควรพิจารณาดังนี้:

1. เลือกตามความจุ (Ah) ที่ต้องการ

ความจุของแบตเตอรี่ (หน่วยเป็นแอมป์-ชั่วโมง หรือ Ah) เป็นตัวกำหนดระยะเวลาที่แบตเตอรี่สามารถจ่ายไฟได้

  • หากต้องการใช้งานระยะยาว เช่น ระบบโซล่าเซลล์ หรือไฟฉุกเฉิน ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง

  • หากใช้งานชั่วคราวหรือระยะสั้น เช่น ไฟทางออกหรืออุปกรณ์ขนาดเล็ก สามารถเลือกความจุที่ต่ำกว่าได้

2. ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า (Voltage)

แบตเตอรี่แห้งมีหลายระดับแรงดัน เช่น 6V, 12V, 24V ควรเลือกให้ตรงกับแรงดันที่อุปกรณ์หรือระบบต้องการ หากเลือกไม่ตรง อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์

3. ลักษณะการใช้งาน

  • หากใช้งานแบบ จ่ายไฟอย่างต่อเนื่อง (deep cycle) เช่น ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ควรเลือกแบตเตอรี่แบบ Deep Cycle

  • หากใช้งานแบบ สำรองไฟในกรณีฉุกเฉิน (standby use) เช่น UPS, ป้ายไฟฉุกเฉิน ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ออกแบบสำหรับการชาร์จตลอดเวลา

4. ขนาดและพื้นที่ติดตั้ง

ควรตรวจสอบขนาดของแบตเตอรี่ให้เหมาะกับพื้นที่ติดตั้ง และต้องเผื่อพื้นที่สำหรับการระบายความร้อนด้วย

5. อายุการใช้งานและยี่ห้อที่เชื่อถือได้

เลือกแบตเตอรี่จากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีการรับประกันสินค้า รวมถึงมีอายุการใช้งานที่เหมาะสมกับงบประมาณ เช่น 5 ปี, 10 ปี หรือสูงสุดถึง 20 ปี

6. สภาพแวดล้อมในการใช้งาน

  • หากใช้งานในพื้นที่อุณหภูมิสูงหรือลมแรง ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ทนต่อสภาพอากาศได้ดี

  • หากติดตั้งในพื้นที่ห่างไกล ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องดูแลบ่อย

สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถเข้าไปดูสินค้าได้ตามนี้และสามารถดาวโหลดข้อมูล สเปคแบตเตอรี่ได้ครับ

สอบถามหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  
https://www.facebook.com/spabattery
https://www.spabattery.com
หรือ Line : @spabattery นะครับ